วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตอนที่ 6 โมบิลสูทกันดั้ม 0080

กันดั้ม 0080

ซันไรส์
โมบิลสูทกันดั้ม 0080
Gundam0080.jpg
ชื่อไทย โมบิลสูทกันดั้ม 0080
ชื่อญี่ปุ่น 機動戦士ガンダム0080
ポケットの中の戦争
ชื่ออังกฤษ Mobile Suit Gundam 0080
War in the Pocket
แนว ดราม่า, หุ่นยนต์
โอวีเอ
ผู้กำกับ ฟูมิฮิโกะ ทากายามะ
ซันไรส์
จำนวนตอน 6
จำหน่ายเมื่อ 25 มีนาคม - 25 สิงหาคม 1989
Wikikartoon.png ส่วนหนึ่งของสารานุกรมการ์ตูนญี่ปุ่น

โมบิลสูทกันดั้ม 0080 (ญี่ปุ่น: 機動戦士ガンダム 0080 ポケットの中の戦争 Kidō Senshi Gundamu 0080 (Gundam Double-O Eighty) Poketto no Naka no Sensō ?) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น 1 ในซีรี่ส์ กันดั้ม ออกแบบตัวละครโดย ฮารุฮิโกะ มิกิโมโตะ ออกแบบโมบิลสูทโดย คุนิโอะ โอคาวาระ และร่วมออกแบบโดย ยูทากะ อิซุบุจิ ผลงานเรื่องนี้มี ฟูมิฮิโกะ ทากายามะ เป็นผู้กำกับ นับเป็นผลงานเรื่องแรกในซีรี่ส์กันดั้มที่ โยชิยูกิ โทมิโนะ ไม่ได้เป็นผู้กำกับ และถูกสร้างออกมาในรูปแบบโอวีเอ ออกวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1989 มีความยาวทั้งสิ้น 6 ตอนจบ

ในประเทศไทย โมบิลสูทกันดั้ม 0080 ได้รับลิขสิทธิ์จัดทำเป็นวีซีดีและดีวีดีโดย DEX

เนื้อ เรื่อง

ในเดือนธันวาคม UC 0079 ช่วงปลายสงคราม 1 ปี สาธารณรัฐรีอา ของไซด์ 6 ที่ยังคงเป็นกลาง ได้เริ่มต้นการเจรจาสนธิสัญญาความปลอดภัยลับๆ กับฝ่ายพันธมิตร และยอมให้กองกำลังพันธมิตร ตั้งค่ายลับ อยู่บนโคโลนี่ ในระหว่างนั้น ที่ฐานลับของพันธมิตร บริเวณขั้วโลกเหนือ กำลังพัฒนาโมบิลสูทรุ่นใหม่ "กันดั้ม NT-1 อเล็กซ์" ที่ขั้วโลกเหนือ

หน่วยไซคลอปส์ กองกำลังพิเศษระดับสูงของซีออน ถูกส่งไปที่โลกเพื่อทำลายอาวุธลับที่พัฒนาอยู่ ณ ฐานทัพพันธมิตรบริเวณขั้วโลกเหนือ ร้อยเอกชไตเนอร์และลูกน้อง ได้เปิดฉากการโจมตีแบบสายฟ้าแลบทั้งทางบกและในน้ำ และยังทำลายระบบป้องกันภัยของฐานทั้งหมด แต่เป็นโชคดีของฝ่ายพันธมิตรที่สามารถส่ง กันดั้ม ขึ้นไปสู่ห้วงอวกาศได้ทันก่อนที่ะถูกหน่วยไซคลอปส์ทำลาย ภารกิจของชไตเนอร์ล้มเหลว และเขาสูญเสียเสียแอนดี้ 1 ในลูกน้องฝีมือดีไปขณะที่แอนดี้กำลังจะทำลายกระสวยที่บรรทุกกันดั้มนั้นเอง

ณ ไซด์ 6 โคโลนี่ลิโบ อัล หรือ อัลเฟรด อิซุรุฮะ หนุ่มน้อยวัย 11 ปี และเพื่อนของเขา ใช้เวลาว่างแทบทั้งหมดเพื่อที่จะเก็บสะสมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับทางทหาร และโมบิลสูท

อัล พนันกับเพื่อนว่ามีโมบิลสูทของฝ่ายพันธมิตร อยู่บนโคโลนี่ และสัญญาว่าถ่ายถ่ายภาพมาให้ดู เนื่องจากพ่อของอัลทำงานอยู่ในบริษัทขนส่ง อัลจึงเข้าออก สถานีขนส่งของ ไซด์ 6 ได้อย่างง่ายดาย หลังจากกลับบ้าน อัลได้พบกับ คริส หรือ คริสติน่า แมคเคนซี่ นักบินทดสอบหญิงของฝ่ายพันธมิตร เพื่อนบ้านของอัลที่ไม่ได้เจอกันราว 3 ปี วันต่อมา เกิดการโจมตีที่ไซด์ 6 โดยฝ่ายซีออนได้เป็นผู้เปิดการโจมตี ระหว่างนั้น อัลได้พบกับ แซ็คเครื่องหนึ่งที่เสียหายและพยายามลงจอด เขาจึงวิ่งตามแซ็คเครื่องนั้นไป และพบกับ เบอร์นี่ หรือ เบอร์นาร์ด ไวส์แมน นักบินฝึกหัดของซีออน หลังจากที่อัลเห็นเครื่องหมายยศของเบอร์นี่ ด้วยความที่เขาเป็นเด็กที่ชื่นชอบทหารอยู่แล้ว เขาจึงขอแลกเครื่องหมายยศของเบอร์นี่กับ กล้องถ่ายวิดีโอของเขานั่นเอง

ที่ดวงจันทร์ หลังจากกองกำลังซีออนกลับมายังฐานกรานาด้า หน่วยไซคลอปส์ก็ได้ดูวิดีโอที่เบอร์นี่ได้มาจากอัล และพบว่าโมบิลสูทที่พวกเขาไล่ล่าที่ขั้วโลกเหนือนนั้น เป็นเครื่องเดียวกับที่ไซด์ 6

พันโทคิลลิ่ง จอมเจ้าเล่ห์ ได้ส่งหน่วยไซคลอปส์ไปยังไซด์ 6 เพื่อแทรกซึมและค้นหาโมบิลสูทเครื่องนั้น ซึ่งพวกเขาสงสัยว่าน่าจะเป็น กันดั้ม ที่ออกแบบมาให้นักบินนิวไทป์เป็นผู้ขับโดยเฉพาะ ชไตเนอร์ต้องการให้คิลลิ่งหานักบินฝีมือดีมาให้หน่วยไซคลอปส์ แทน แอนดี้ ที่ตายไปในภารกิจที่ขั้วโลกเหนือ แต่คิลลิ่งกลับบรรจุ เบอร์นี่ ซึ่งเป็นเพียงนักบินฝึกหัดให้แทน แต่ชไตเนอร์ก็อธิบายแผนการให้เบอร์นี่ฟัง พร้อมทั้งแนะนำให้เขารู้จักกับ มิฮาอิล คามินสกี้ หรือ มีชา และ กาเบรียล รามิเรซ การ์เซีย เพื่อนร่วมหน่วยของเขา

ขณะที่กองทัพซีออนกำลังโจมตีไซด์ 6 อยู่นั้น เบอร์นี่ได้นำยานขนส่งที่ซ่อนเคมป์เฟอร์ (Kaempfer) โมบิลสูท รุ่นใหม่ของซีออน ที่ยังไม่ได้ประกอบ เข้าเทียบท่าที่ท่าเทียบยานของไซด์ 6 ระหว่างที่หน่วยไซคลอปส์กำลังนำรถบรรทุกไปยังฐานลับของพวกเขา ระหว่างนั้นอัลเห็นเบอร์นี่ จึงแอบขึ้นรถบรรทุกของการ์เซีย แต่ก็พลาดตกลงมากลางทาง อัลจึงหันไปหาตำรวจ โดยโกหกว่าถูกรถชนแล้วหนี เพื่อให้ตำรวจตามหาที่อยู่ของพวกเบอร์นี่ให้ แต่เมื่อไปถึง อัลเห็นมีชาและการ์เซียกำลังทำท่าเหมือนจะลงมือสังหารตำรวจ อัลจึงแกล้งทำเป็นร้องไห้ และบอกกับตำรวจว่า ความจริงแล้วเขาเพียงแค่อยากจะมา เบอร์นี่ พี่ชายที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานเท่านั้นเอง แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เลยต้องโกหกตำรวจว่าโดนรถชน เพื่อที่ตำรวจจะได้พามา ซึ่งเบอร์นี่ก็ยอมเล่นละครไปกับอัลด้วย เพื่อตบตาตำรวจ

ช่วงกลางดึก หลังจากที่อัลกลับมาบ้าน คริสเห็นเบอร์นี่ซึ่งหน่วยไซคลอปส์ ส่งมาดูแลพฤติกรรมไม่ให้อัลปากโป้งไปบอกคนอื่นเกี่ยวกับแผนการของพวกเขา กำลังจะปีนเข้าบ้านอัล ทำให้คริสนึกว่าเป็นขโมย เลยเอาไม้เบสบอลตีหัวเบอร์นี่อย่างแรงจนสลบเหมือด แต่อัลก็อธิบายให้คริสฟังว่า เบอร์นี่เป็นพี่ชายต่างแม่ของเขา คริสรู้สึกผิดเลยชวนทั้งคู่ไปทานน้ำชาในบ้านกับครอบครัวของเธอ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คริสและเบอร์นี่ได้รู้จักกัน

วันรุ่งขึ้น หน่วยไซคอลปส์ คิดจะกำจัดเบอร์นี่และอัล โดยส่งพวกเขาไปสืบเรื่องกันดั้มในที่ซ่อนของฝ่ายพันธมิตร ในขณะที่ ชไตเนอร์นั้น รับข่าวสารที่ให้เบอร์นี่ไปสืบ จากสายลับของซีออน แต่แล้ว ชไตเนอร์ก็ต้องแปลกใจที่ไม่ได้เป็นไปตามคาด เบอร์นี่กับอัลทำภารกิจสำเร็จ และยังนำรูปถ่ายของกันดั้มกลับมาให้เขาอีกด้วย หลังจากจบภารกิจ เบอร์นี่พาอัลไปส่งที่บ้านแล้วบังเอิญเจอคริส ก่อนที่เบอร์นี่จะกลับ ทั้งคู่จึงกล่าวราตรีสวัสดิ์ต่อกัน

วันดีเดย์ของภารกิจ หน่วยไซคอลปส์ เตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆ ที่ ชไตเนอร์ รู้ว่าคิลลิ่งเพียงแค่ส่งพวกเขาไปตายเพื่อให้ยืนยันการมีอยู่ของกันดั้มเท่า นั้น แต่ชไตเนอร์ก็ยังสานต่อภารกิจโดยไม่หยุด ขณะที่ มีชา ขับเคมป์เฟอร์ซึ่งประกอบเสร็จสิ้น ออกไปต่อสู้กับกองกำลังป้องกันโคโลนี่นั้น พวกชไตเนอร์ก็แทรกซึมเข้าไปในฐานของพันธมิตร อัลแอบตามพวกเขาเข้าไปในฐาน แต่สิ่งที่อัลได้เห็น กลับเป็นการต่อสู้ที่นองเลือด ชไตเนอร์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส การ์เซียจึงพลีชีพด้วยการระเบิดตัวเองเพื่อทำลายกันดั้ม แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ส่วนมีชาถูกสังหารโดยกันดั้มขณะที่เขากำลังต่อสู้อยู่ ภารกิจของหน่วยไซคลอปส์ ล้มเหลว และในที่สุด ชไตเนอร์ ก็เสียชีวิตในมือของเบอร์นี่

หลังจากที่หน่วยไซคลอปส์ ทำภารกิจล้มเหลว คิลลิ่งจึงตัดสินใจแก้ปัญหาโดยคิดที่จะใช้หัวรบนิวเคลียร์ทำ ลายกันดั้มไปพร้อมกับไซด์ 6 ซะ เมื่อเบอร์นี่รู้ว่าไซด์ 6 จะถูกทำลาย เขาเลยตัดสินใจที่จะทิ้งภารกิจแ

ละบอกอัลให้หนีไปซะ แต่อัลพยายามเตือนสติเบอร์นี่ และพยายามบอกตำรวจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตำรวจไม่เชื่อ แต่แล้ว เบอร์นี่ก็เปลี่ยนใจที่จะกลับไปทำลายกันดั้ม เพื่อปกป้องไซด์ 6 อัลและเบอร์นี่ช่วยกันซ่อมแซ็คของเขาจนเสร็จ และช่วยกันวางแผนการรบ

เย็นวันคริสมาสต์อีฟ เบอร์นี่ได้ให้เทปบันทึกม้วนหนึ่งแก่อัล และกล่าว Merry Christmas แก่อัล และยังฝากถึง คริสและครอบครัวของคริสด้วย หลังจากนั้นเบอร์นี่ก็ใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับศึกวันพรุ่งนี้


ศึกตัดสินระหว่างกันดั้มและแซ็ค

วันคริสมาสต์ อัลและแม่ไปที่ท่าเทียบยาน เพื่อรอรับพ่อที่ได้เดินทางกลับมาบ้าน ระหว่างทาง อัลได้ยินจากพ่อว่า กองยานของซีออนที่บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์มา ได้ถูกกองกำลังฝ่ายพันธมิตร โจมตีจนยอมจำนนแล้ว พออัลได้ยินดังนั้น ก็รีบวิ่งออกไปเพื่อบอกเบอร์นี่ว่าไม่มีความจำเป็นต้องสู้กับกันดั้มอีกแล้ว ขณะที่เบอร์นี่ได้ขึ้นไปบังคับแซ็คของเขา เพื่อที่จะล่อกันดั้มไปเขตป่านอกเมือง แต่ทว่า อัลก็มาช้าไป ทั้งกันดั้มและแซ็ค ต่างก็ทำลายซึ่งกันและกัน ภาพที่ปรากฏต่อหน้าอัลคือ กันดั้มที่ไร้หัว แทงบีมเซเบอร์เข้าไปในค็อกพิทของแซ็ค เบอร์นี่เสียชีวิตในหน้าที่ หน่วยแพทย์ของพันธมิตรพบว่าอัลกำลังช็อค จึงพาตัวอัลไปยังแคมป์พยาบาล แต่ในขณะที่ทีมแพทย์ได้นำตัวนักบินของกันดั้มที่บาดเจ็บจนหมดสติลงมา อัลก็ได้เห็นสิ่งที่แทบไม่อยากเชื่อสายตา เพราะนักบินคนนั้นคือ คริส นั่นเอง

2-3 สัปดาห์ต่อมา สงครามสิ้นสุดลงแล้ว อัลเปิดดูเทปที่เบอร์นี่ให้เขามา ในเทปนั้น เบอร์นี่กล่าวไว้ว่า ถ้าหากอัลได้ดูเทปม้วนนี้ เขาอาจจะตายไปแล้ว แต่เขาไม่อยากให้อัลโทษนักบินของกันดั้ม หรือฝ่ายพันธมิตร เพราะพวกเขาล้วนแต่ทำสิ่งที่คิดว่าถูกต้องที่สุด และถ้าสงครามสิ้นสุดแล้วเขารอดตาย เขาสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมอัลที่ไซด์ 6 แน่นอน

ในระหว่างที่อัลไปโรงเรียน อัลเจอกับคริสในสภาพใส่เฝือกที่แขนอยู่ เธอบอกอัลว่า เธอต้องกลับไปที่โลกแล้ว และฝากลาเบอร์นี่ด้วย พออัลถึงโรงเรียนของเขาที่เสียหายจากการต่อสู้ระหว่างกันดั้มและเคมป์เฟอร์ ครูใหญ่กล่าวถึงผู้ที่สูญเสียในสงครามว่า พวกเขาทุกคนเป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ น้ำตาของอัลเริ่มร่วงโรย เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของสงครามโดยแท้จริง

ตัว ละคร

ฝ่าย พันธมิตร

  • คริสติน่า แมคเคนซี่ (คริส) (พากย์เสียงโดย
  • เมงุมิ ฮายาชิบาระ)สจ๊วร์ต (พากย์เสียงโดย เคน โกโต้)

    ดิ๊ค ลัมน์บา (พากย์เสียงโดย ฮิโรชิ มาสุโอกะ)

ฝ่าย ซีออน

  • เบอร์นาร์ด ไวส์แมน (เบอร์นี่) (พากย์เสียงโดย โคจิ สึจิทานิ)
  • ชไตเนอร์ ฮาร์ดี้ (พากย์เสียงโดย โยสุเกะ อากิโมโตะ)
  • กาเบรียล รามิเรซ การ์เซีย (พากย์เสียงโดย บิน ชิมาดะ)
  • มิฮาอิล คามินสกี้ (มีชา) (พากย์เสียงโดย ยูทากะ ชิมากะ)
  • แอนดี้ สตรอส (พากย์เสียงโดย มิตสึอากิ โฮชิโนะ)
  • คิลลิ่ง (พากย์เสียงโดย โคจิ โททานิ)
  • ฟอน เฮลซิ่ง (พากย์เสียงโดย มาซาโตะ ฮิราโนะ)
  • ลูเกนธ์ (พากย์เสียงโดย โนบุยูกิ ฟุรุตะ)

พลเรือน

  • อัลเฟรด อิซุรุฮะ (อัล) (พากย์เสียงโดย ไดสุเกะ นามิคาวะ)
  • อีมส์ อิซุรุฮะ (พากย์เสียงโดย จุน ฮาซุมิ)
  • มิจิโกะ อิซุรุฮะ (พากย์เสียงโดย ไอ โอริคาสะ)
  • เชย์ (พากย์เสียงโดย โทโมโกะ มารุโอะ)
  • เทลคอตต์ (พากย์เสียงโดย เคน ซูซูกิ)
  • โดโลเรส เฮย์ส (โดโรธี) (พากย์เสียงโดย โคนามิ โยชิดะ)
  • ชาร์ลี (พากย์เสียงโดย มิโนรุ อินาบะ)

ราย ชื่อตอน

  1. อีกกี่ไมล์นะ กว่าจะถึงสนามรบ? / อีกกี่ไมล์นะ กว่าจะถึงสนามรบ?
  2. ภาพสะท้อนในดวงตาสีน้ำตาล / Reflections in a Brown Eye
  3. ที่สุดปลายสายรุ้งนั้นมี...? / And at the End of the Rainbow?
  4. ข้ามแม่น้ำและผ่านป่า / Over the River and Through the Woods
  5. พูดสิว่าโกหก เบอร์นี่ / Say it Ain't So, Bernie!
  6. วอร์ อิน เดอะ พ็อกเก็ต / War in the Pocket

เพลง ประกอบ

  • เพลง Opening "Itsuka Sora ni Todoite" (いつか空に届いて)
เนื้อร้อง, ทำนอง: เมงุมิ ชิอินะ / เรียบเรียง: โอซามุ โทซึกะ / ขับร้อง: เมงุมิ ชิอินะ
  • เพลง Ending "Tooi no Kioku" (遠い記憶)
เนื้อร้อง, ทำนอง: เมงุมิ ชิอินะ / เรียบเรียง: โอซามุ โทซึกะ / ขับร้อง: เมงุมิ ชิอินะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้